“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ประกาศโปรแกรมอุ่นเครื่อง “ฟีฟ่าเดย์” ในเดือนตุลาคม โดยจะบุกไปเยือนเมียนมา ที่สนามมัณฑะลาร์ ธีรี , เมืองมัณฑะเลย์ วันที่ 5 ตุลาคม และเปิดบ้านพบกับ เคนยา ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และ โฆษกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวถึงโปรแกรมกระชับมิตรช่วงสุดท้ายในปีนี้ของ ทัพช้างศึกชุดใหญ่ ว่า “เกมอุ่นเครื่องในเดือนตุลาคมนี้ จะเป็นช่วงสุดท้ายของเราในปี 2017 สำหรับทีมชุดใหญ่ เนื่องจากทาง ไทยลีก มีความจำเป็นต้องใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ในเดือนพฤศจิกายน มาจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก และฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ ให้ครบตามกำหนด”
“สำหรับ ทีมชาติเคนยา ถือเป็นทีมที่มีแรงกิ้งอยู่ในช่วงกลุ่มที่เหมาะสม และหากเราสามารถเอาชนะทีมชาติที่มีแรงกิ้งช่วงนี้ได้บ่อยขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อทีมชาติไทย เนื่องจากการลงเล่นกับทีมที่มีแรงกิ้งสูงๆ แต่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ ก็จะทำให้เสียโอกาสในการเก็บคะแนนสะสมไปด้วย แต่แน่นอนว่า นอกจากเรื่องคะแนน ทีมควรได้รับประสบการณ์และประโยชน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราต้องทำให้สมดุลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“โดยโค้ช (มิโลวาน ราเยวัช) ต้องการให้เราได้มีแมตช์ในระดับสูง กลาง สลับกันบ้างเพื่อได้วางแทคติค และแก้ไขทั้งเกมส์รุก รับในเกมส์ที่มีความสูสีบ้าง จากที่ผ่านมาในฟุตบอลโลกและคิงส์คัพ เราต้องวางเกมในฐานะทีมรองอยู่หลายครั้ง” คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าว
“ส่วนแมตช์กับ ทีมชาติเมียนมา (5 ตุลาคม) น่าจะเป็นเกมเยือมที่ไม่ต้องเดินทางยาวนานจนเกินไป เพราะเราจะต้องกลับมาเตรียมเปิดบ้านพบกับ เคนยา อีกในวันที่ 8 และนักฟุตบอลจะกลับสู่สโมสรในวันที่ 9 ทันที เพื่อเตรียมแข่งลีกคัพและไทยลีกต่อไป”
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับปีหน้า (2018) ทั้งทีมชาติชุดใหญ่และชุดอื่นๆ ของเรา ได้เริ่มเจรจาเรื่องแมตช์กระชับมิตรไปพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะช่วงมีนาคมและหลัง เอเชียน เกมส์ เป็นหลัก”
โดยครั้งล่าสุดที่ ช้างศึก พบกับ เมียนมา ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติเมียนมา 4-0 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ด้วยผลประตูรวม 6-0 และคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด ส่วน ไทย กับ เคนยา เคยพบกันมาแล้วในการแข่งขัน คิงส์คัพ ปี 1990 โดยเป็น ช้างศึก ที่เฉือนชนะ เคนยา 2-1
