พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าการต่อสัญญากับ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย รวมไปถึงทีมงานของ เอคโคโน ที่ผลงานกำลังถูกวิจารณ์หลังนำแข้งช้างศึกชุดเล็กไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของสมาคมฯ
โดยเอคโคโน เพิ่งพาช้างศึกเยาวชนพลาดแชมป์อาเซียน รวมถึงทันเนียห์ คัพ และอีกหลายรายการจนเริ่มถูกวิจารณ์เรื่องผลงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายสมาคมทำให้เกิดกระแสว่าสมาคมฯ จะต่อสัญญาต่อไปหรือไม่
โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กล่าวถึงกรณีการต่อสัญญากับ มิโลวาน ราเยวัช ว่า “ในส่วนของสัญญา ราเยวัช นั้น ทางสมาคมฯ ได้ร่างสัญญาฉบับแก้ไขไปให้เขาพิจารณาแล้ว โดยรายละเอียดหลักๆ คือการขยายระยะเวลาการคุมทีม ซึ่ง ราเยวัช และทีมงานต้องการเพิ่มระยะเวลาทำงานมากกว่า 1 ปี รวมทั้งค่าจ้างที่เพิ่มมากขึ้น”
“ทั้งนี้ทางสมาคมฯ ก็ต้องการทราบเป้าหมายของ ราเยวัช เช่นกันว่าเป้าหมายที่เขาต้องการทำให้ทีมชาติไทยในอนาคตคืออะไรบ้าง สิ่งที่สมาคมฯ ต้องการคือต้องการให้ทีมชาติไทยไปถึงจุดที่ไม่เคยได้ไปถึง อาทิ แชมป์เอเชียนคัพ หรือ แชมป์เอเชียนเกมส์ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเขาขอเพิ่มเงินเดือนมากขึ้น สมาคมฯ ก็ต้องทราบถึงเป้าหมายของตัวเขา เพราะผมต้องใช้เงินของสมาคมฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย”
“ในส่วนของ เอคโคโน นั้น ต้องบอกว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ทำสัญญากับสมาคมฯ เราต้องการให้เขาสร้างรากฐาน และสร้างมาตรฐานให้กับนักฟุตบอลไทย ในปีที่ผ่านมาเรายังไม่มีศูนย์ฝึกให้พวกเขา ทำให้เขาต้องไปเข้าแคมป์เก็บตัวตามสถานที่ต่างๆ แต่ตอนนี้ศูนย์ฝึกฟุตบอลสร้างเสร็จแล้ว ทำให้เขาสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เขาก็ต้องกลับมาสู่แนวทางของเขา คือการพัฒนาเยาวชน นอกจากนี้ เอคโคโน, สมาคมฯ และการกีฬาแห่งประเทศไทยฯ ยังได้วางแผนร่วมกันพัฒนาเยาวชน โดยมีโครงการนำร่องที่จังหวัด เชียงใหม่ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอม และเราจะนำโค้ชเหล่านั้นไปช่วยสอนฟุตบอลให้กับเยาวชนต่อไป”
“ผมไม่ได้แก้ปัญหาแบบสั้นๆ ผมอยากวางระบบมากกว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามระบบ และสามารถทำได้ตามระบบที่วางไว้ มันจะเกิดการพัฒนาในระยะยาว เราไม่ได้แก้ปัญหาแบบวันต่อวัน ซึ่งมันต้องใช้เวลาที่ยาวนาน อาจจะเป็น 10 ปี เหมือนกับประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว ผมอยากให้แฟนบอลอดทน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแล้วมันไม่ดีขึ้น ไม่มีความสำเร็จใดๆ เราก็ต้องว่ามันต้องพิจารณาอีกครั้งว่ามันเกิดจากอะไร”
“ผมทนได้กับเสียงวิจารณ์ ผมขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง ผมเคยบอกไปแล้ว ว่าถ้าผมเป็นนายกสมาคมฯ แล้ว ผมไม่ได้ทำอะไร หรือทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้ ผมอาย ผมขอลาออกจากการเป็นนายกสมาคมฯ เสียดีกว่า อย่าหยิบคำพูดที่ว่าแค่ผมอายเท่านั้นครับ ผมต้องการสื่อว่า ถ้าผมเป็นนายกสมาคมฯ แล้วผมอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ผมลาออกดีกว่าครับ”
